การทำหน้าอก เป็นการผ่าตัดเพื่อนำถุงซิลิโคนหรือถุงน้ำเกลือใส่เสริมเข้าไปที่บริเวณหน้าอก เพื่อช่วยให้หน้าอกมีขนาดใหญ่ขึ้นหรือเท่ากันทั้งสองข้าง
หรือให้มีความสวยงาม แก้ปัญหาหน้าอกหย่อนคล้อย หน้าอกเล็ก หน้าอกไม่เท่ากัน หรือเสริมหน้าอกให้ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่ต้องตัดเต้านมออก ช่วยให้ผู้ทำหน้าอกรู้สึกมีความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน
ประเภทของการทำหน้าอกแบ่งวัสดุได้ดังนี้
- ซิลิโคนเจล
- เป็นซิลิโคนเกรดสำหรับใช้ในการแพทย์
- มีความคงตัวสูง เนื้อซิลิโคนด้านในไม่ไหลออก
- มีความยืดหยุ่น นิ่ม และเหนียวมาก
- ให้ความรู้สึกเหมือนหน้าอกธรรมชาติ
- ใช้ระยะเวลาพักฟื้นหลังผ่าตัดไม่นาน และเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายน้อย
- มีให้เลือกหลายขนาด หลายทรง มีทั้งแบบผิวเรียบและผิวขรุขระ
- ถุงน้ำเกลือ
- เป็นวัสดุที่มีซิลิโคนอยู่ชั้นนอก และน้ำเกลืออยู่ชั้นใน
- ใช้วิธีผ่าตัดเพื่อเอาถุงซิลิโคนเปล่าเข้าไปในเต้านมแล้วเติมน้ำเกลือผ่านหลอดสุญญากาศ หรือใส่ถุงน้ำเกลือที่มีน้ำเกลืออยู่แล้วเข้าไปเลย
- ข้อดีคือหากมีการรั่วซึมของถุงก็ไม่เป็นอันตราย
- แพทย์สามารถหาจุดรั่วซึมได้ง่าย
- สามารถเพิ่มขนาดหน้าอกได้โดยไม่ต้องผ่าตัดใหม่
- ข้อเสียคือฉีกขาดได้ง่ายส่งผลให้เกิดการรั่วซึมได้ รวมถึงมีรอยย่นเกิดขึ้นได้ง่ายจึงดูไม่เป็นธรรมชาติ
- ฉีดไขมัน
- การเสริมหน้าอกที่ใช้ไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องหรือต้นขาของผู้ที่ต้องการเสริมหน้าอก
- ฉีดรอบเต้านมเสริมหน้าอกให้มีขนาดใหญ่ขึ้น
- เป็นวัสดุที่มีความเป็นธรรมชาติสูง
- จำเป็นต้องมีการผ่าตัดเพิ่มเติมเพื่อดูดไขมัน
- การอยู่ตัวของไขมันแตกต่างกันในแต่ละบุคคล
ซิลิโคนเป็นวัสดุที่ทนทานและมีอายุการใช้งานยาวนานมาก โดยขอแบ่งอายุการใช้งานของซิลิโคนออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ถุงซิลิโคน และซิลิโคนเจลที่บรรจุอยู่ข้างใน
- ถุงซิลิโคนสามารถคงสภาพได้ยาวนานมาก และมีอายุการใช้งานยาวนานมากกว่าอายุคน จึงสามารถใช้งานได้ตลอดชีวิตของผู้ทำหน้าอก
- ซิลิโคนเจลที่บรรจุอยู่ด้านในก็มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากเช่นกัน อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปอาจจะมีการรั่วของซิลิโคนที่มีอายุการใช้งานไปแล้วประมาณ 10 ปี
- อายุของผู้เสริมหน้าอกก็มีผลต่ออายุการใช้งานของซิลิโคนด้วย เพราะเมื่ออายุมากขึ้นกล้ามเนื้อบริเวณที่มีซิลิโคนอาจเสื่อมลงไม่สามารถพยุงน้ำหนักซิลิโคนได้ทำให้ซิลิโคนเลื่อนต่ำลง ส่งผลทำให้ต้องเปลี่ยนซิลิโคนที่ใช้อยู่
การดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดเสริมหน้าอกช่วยให้ซิลิโคนมีอายุการใช้งานได้นานและช่วยให้ผู้เสริมหน้าอกพบสิ่งผิดปกติได้ ดังนี้
- ใส่บราชนิดไม่มีโครง หรือสปอร์ตบราหลังการเสริมหน้าอกอย่างน้อย 1 เดือน หลีกเลี่ยงการกดทับหรือกระแทกบริเวณหน้าอก จะช่วยให้หน้าอกเข้ารูปและพยุงซิลิโคนให้มีรูปทรงที่เหมาะสม
- หลังจากผ่าตัดในช่วงแรกไม่ควรทำงานหนัก งดออกกำลังกาย หรือใช้แรงเยอะ
- ควรนวดหน้าอกเป็นประจำจะช่วยให้ซิลิโคนเข้าที่และหน้าอกไม่แข็งเพราะพังผืดหดตัว
- เช็กหน้าอกด้วยตัวเองเป็นประจำและตรวจแมมโมแกรมตามกำหนด
อายุการใช้งานของซิลิโคนอยู่ที่พฤติกรรม อายุ และการใช้ชีวิตของผู้เสริมหน้าอก หากพบสิ่งผิดปกติ เช่นซิลิโคนมีการแข็งตัว หรือรูปร่างของเต้านมเปลี่ยนไป ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ