ไข้ทรพิษ หรือฝีดาษ เป็นโรคที่เกิดในสมัยโบราณ ปัจจุบันไม่มีโรคนี้เกิดขึ้นแล้ว แต่มีโรคใหม่ที่ใกล้เคียงกันกับไข้ทรพิษ นั่นคือ โรคฝีดาษลิง เกิดจาก
เชื้อไวรัสกลุ่มเดียวกัน อาการก็แทบจะเหมือนกัน ต่างกันตรงที่ฝีดาษโบราณแพร่ระบาดจากคนสู่คน แต่โรคฝีดาษยุคใหม่หรือฝีดาษลิงนั้นสามารถแพร่เชื้อจากสัตว์สู่คนได้ด้วย สัตว์ที่เป็นตัวแพร่เชื้อครั้งแรกก็คือสัตว์ตระกูลลิง จึงได้ถูกเรียกว่าโรคฝีดาษลิง
โรคฝีดาษในอดีตเป็นมาอย่างไร
ฝีดาษหรือไข้ทรพิษเกิดจากเชื้อไวรัสวาริโอลา เชื่อกันว่ามีการระบาดมาตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ และการระบาดเกิดขึ้นทั่วโลกเป็นระลอก ๆ ในการระบาดแต่ละครั้งมีผู้เสียชีวิตไม่น้อย เพราะเป็นโรคระบาดที่ร้ายแรง ในประเทศไทยมีการระบาดของไข้ทรพิษหรือโรคฝีดาษอยู่หลายครั้งตั้งแต่สมัยอยุธยาเป็นต้นมา การระบาดครั้งสุดท้ายในไทยมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงต้องทำการล้างเมืองให้ปราศจากโรคฝีดาษโดยการให้ประชาชนได้ฉีดวัคซีนป้องกัน ซึ่งก็ได้ผลดีเช่นเดียวกับในต่างประเทศ สามารถปราบฝีดาษให้หมดสิ้นไปหลายสิบปีแล้ว
สำหรับฝีดาษลิงที่พวกเราได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามเมื่อไม่นานมานี้ เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่มเดียวกันกับไข้ทรพิษ แต่มีความรุนแรงน้อยกว่าและระบาดน้อยกว่า ฝีดาษลิงเป็นโรคใหม่ที่มักจะพบในเด็กเล็ก สามารถติดโรคได้จากการได้รับฝอยละอองที่มีเชื้อไวรัสปนอยู่และผ่านเข้าไปในระบบทางเดินหายใจ ทางเยื่อบุตาหรือทางผิวหนัง และยังอาจติดได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่งที่ออกจากตุ่มใสของผู้ที่เป็นโรคหรือสัตว์เลี้ยงที่เป็นสัตว์พันธุ์กัดแทะ เพราะสัตว์ประเภทนี้อาจมีเชื้อติดตัวมาและเป็นพาหะของโรค
อาการของไข้ทรพิษหรือโรคฝีดาษ
ผู้ที่ได้รับเชื้อมาประมาณ 10 – 14 วัน จะเริ่มมีอาการคล้ายเป็นไข้หวัดใหญ่ ลักษณะอาการ คือ
ไข้ทรพิษหรือฝีดาษไม่มียารักษา แต่วิธีต่อไปนี้สามารถช่วยผู้ป่วยได้
โรคฝีดาษในอดีตไม่มียารักษา ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลด้วยวิธีต่อไปนี้
ปัจจุบันมียาที่ชื่อว่า Tecovirimat (TPOXX) สามารถนำมาใช้รักษาโรคฝีดาษได้แล้ว อย่างไรก็ตาม วิธีป้องกันที่ปลอดภัยที่สุดก็คือ หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้ที่มีอาการของโรคฝีดาษและคอยติดตามสถานการณ์โรคระบาดตลอดเวลา เพราะปัจจุบันฝีดาษได้กลับมาอีกครั้งในนามของฝีดาษลิง ดังนั้นเราควรเฝ้าระวังอยู่ให้ห่างจากโรคดีที่สุด