กินอย่างไรให้ลูกรับประโยชน์ที่สุด

กินอย่างไรให้ลูกรับประโยชน์ที่สุด

โภชนาการของคุณแม่ตั้งครรภ์ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ควรใส่ใจ เพราะสิ่งที่คุณแม่กินเข้าไปนั้นจะส่งผลต่อ

พัฒนาการและการเจริญเติบโตของลูกน้อยในครรภ์ได้โดยตรง ดังนั้น คุณแม่ที่ตั้งครรภ์จะต้องมีการปรับโภชนาการและใส่ใจกับการกินมากขึ้นว่าเราควรกินอย่างไรให้ลูกรับประโยชน์ที่สุด ซึ่งวันนี้เราก็มีหลักปฏิบัติง่าย ๆ มาฝากกัน

1. กินอาหารที่มีโฟเลตสูง

โฟเลตหรือกรดโฟลิกเป็นอนุพันธ์วิตามินบีชนิดหนึ่งที่จำเป็นต่อพัฒนาการระบบประสาทและสมองของทารกในครรภ์ ช่วยลดความพิการทางสมองในทารก โดยในช่วงตั้งครรภ์คุณแม่ต้องได้รับโฟเลตอย่างน้อย 600 ไมโครกรัมต่อวัน อย่างน้อยในช่วง 3 เดือนแรก ซึ่งอาหารที่มีโฟเลตสูงก็ได้แก่ ผักใบเขียว ถั่วและธัญพืช เมล็ดทานตะวัน ส้ม มะละกอสุก เป็นต้น 

2. กินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง

คุณแม่ตั้งครรภ์จำเป็นต้องได้รับธาตุเหล็กในปริมาณที่สูงมาก เนื่องจากธาตุเหล็กช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง ทั้งนี้ก็เพราะว่าคุณแม่ต้องการเลือดในปริมาณมากเพื่อแบ่งไปหล่อเลี้ยงทารกในครรภ์ด้วย ถ้าหากขาดธาตุเหล็กก็อาจจะทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง ทำให้เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย และส่งผลต่อพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์ โดยจำเป็นจะต้องได้รับธาตุเหล็ก1,000 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งธาตุเหล็กจะพบมากในเนื้อแดง ไข่ ตับ ผักใบเขียว ฯลฯ แนะนำว่าให้รับประทานร่วมกับอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม ฝรั่ง เพราะจะช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กไปใช้ได้ดีขึ้น

3. กินอาหารที่มีแคลเซียมสูง

แคลเซียมจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของกระดูกและฟันของลูกน้อยในครรรภ์ หากคุณแม่กินแคลเซียมไม่เพียงพอ กลไกของร่างกายจะดึงเอาแคลเซียมจากกระดูกของแม่ไปให้ทารก ทำให้มวลกระดูกของแม่ลดลง เกิดฟันผุ และอาจเป็นตะคริวได้ง่าย อีกทั้งยังไม่แข็งแรงพอจะรับน้ำหนักของครรภ์ได้อีกด้วย ดังนั้น ในระหว่างตั้งครรภ์ต้องได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอ อาจจะดื่มนม กินผักใบเขียว หรือพวกปลาเล็กปลาน้อยที่กินได้ทั้งตัว

4. ควบคุมแป้งและน้ำตาล

ในระหว่างตั้งครรรภ์ควรควบคุมการกินแป้งและน้ำตาล เพราะอาจจะทำให้เกิดภาวะเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ซึ่งอาจอันตรายถึงขั้นครรภ์เป็นพิษได้ อีกทั้งยังอาจจะทำให้น้ำหนักเกิน หรือเกิดปัญหาผิวหนังปริแตกจนเกิดรอยแตกลายขึ้นตามบริเวณท้อง ต้นขา หน้าอก และแขนได้ ดังนั้น จึงควรควบคุมการกินอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลให้ดีในช่วงตั้งครรภ์

5. กินอาหารที่มีไอโอดีนสูง

ไอโอดีนเป็นสารอาหารสำคัญที่ส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองของทารกในครรภ์ คุณแม่ควรได้รับไอโอดีน 250 ไมโครกรัมต่อวัน เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้ลูกเกิดอาการพิการทางสมองได้ ซึ่งอาหารที่มีไอโอดีนสูงก็จะเป็นเกลือสมุทรเสริมไอโอดีน อาหารทะเล เป็นต้น

6. กินผักผลไม้ให้มาก

ผักผลไม้จะอุดมไปด้วยสารอาหาร เกลือแร่ และวิตามิน รวมไปถึงสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายของแม่และลูกน้อยในครรภ์ อีกทั้งยังอุดมไปด้วยกากใยอาหารสูง ส่งผลดีต่อระบบขับถ่าย ช่วยป้องกันปัญหาท้องผูกให้กับคุณแม่ได้

ในช่วงตั้งครรภ์นั้น โภชนาการของคุณแม่มีความสำคัญมาก เพราะไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อตัวคุณแม่เท่านั้น หากแต่ยังส่งผลกับลูกน้อยในครรภ์ด้วย ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพียงพอต่อความต้องการ และถูกสุขลักษณะ เพียงเท่านี้ก็จะตั้งครรภ์อย่างมีความสุข และยังมีสุขภาพดีทั้งแม่และลูก