เชื้อราในจุดซ่อนเร้นของผู้หญิง รักษาหายได้ แค่หมั่นสังเกตตัวเอง

เชื้อราในร่มผ้าผู้หญิง เกิดจากอะไร พร้อมวิธีป้องกันอย่างตรงจุด

อาการคันในร่มผ้า หรือคันบริเวณจุดซ่อนเร้นของสาว ๆ หลายคนเมื่อเกิดอาการมักจะปล่อยปละละเลย เพราะคิดว่า

ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หาย บางคนซื้อยามาสวนล้างช่องคลอดด้วยตัวเอง เพราะคิดว่าแค่ทำความสะอาดก็พอ ซึ่งในข้อเท็จจริงอาการคันบริเวณจุดซ่อนเร้นมีอะไรที่ลึกลับและต้องใช้การหมั่นสังเกตอาการมากกว่านั้น และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้สาว ๆ หลงคิดไปเองว่าอาการคันเหล่านี้คือเรื่องธรรมดา เรามาทำความรู้จักเชื้อราในจุดซ่อนเร้นกันดีกว่า

เชื้อรา

เชื้อราในจุดซ่อนเร้น ภัยร้ายที่สามารถติดต่อสู่คนอื่นได้ ถ้าไม่รีบรักษา

เพราะบริเวณจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงมีความเปราะบางและแพ้ง่าย จึงทำให้บ่อยครั้งสาว ๆ จะมีอาการคันยุบยิบแต่สุดท้ายก็หายไปเอง หลายคนมีอาการบ่อยจนเลิกสนใจไปแล้ว ซึ่งเราควรมาปรับความเข้าใจกันใหม่ว่า อาการคันไม่ได้แปลว่าหายไปได้เอง แต่แปลว่าต้องเร่งสังเกตอาการต่อไปว่าเป็นอย่างไร

บริเวณขาหนีบของสาว ๆ คือแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดี เพราะมีเหงื่อซึมออกมาตลอดทั้งวัน จึงเกิดเป็นการอับชื้น ส่งผลให้เชื้อราเจริญเติบโตได้ดี จนทำให้บริเวณขาหนีบเกิดอาการติดเชื้อ ซึ่งถ้าหากสาว ๆ ปล่อยอาการคันบริเวณขาหนีบไว้แบบนั้นโดยที่ไม่รีบรักษา จะส่งผลให้เกิดการติดเชื้อขึ้นที่บริเวณอวัยวะเพศ หรือ “การติดเชื้อราในช่องคลอด” นั่นเอง

 โดยเชื้อราตัวนี้จัดอยู่ในกลุ่มเชื้อราแคนดิดา (Candida) และผลของการติดเชื้อราชนิดนี้จะทำให้เกิดอาการคันที่อวัยวะเพศ พร้อมทั้งมีอาการเจ็บและแสบเมื่อมีเพศสัมพันธ์ หรือแม้แต่ในขณะปัสสาวะ จากนั้นอาการจะลามมาที่เริ่มมีตกขาวสีข้น มีลักษณะจับตัวเป็นก้อนออกมา ถึงตอนนี้สาว ๆ ต้องรีบพบแพทย์โดยด่วน ไม่เช่นนั้นจะลามไปมากกว่านี้ และการรักษาจะยากขึ้น อีกทั้งยังสามารถติดต่อไปสู่บุคคลอื่นที่ใช้สิ่งของร่วมกันได้

แพทย์กำลังตรวจภายใน

รักษาให้ตรงจุด อาการคันจากเชื้อราในจุดซ่อนเร้น ทำอย่างไรให้ถูกต้อง

การรักษาที่ตรงจุดมากที่สุดคือการพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยว่าอาการคันที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะเชื้อรา หรือมีเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย แพทย์จะจ่ายยาฆ่าเชื้อเชื้อรา รวมถึงยาแก้คันอื่น ๆ มาให้ ส่วนวิธีการดูแลจุดซ่อนเร้นให้ห่างไกลจากเชื้อราคือ

  • ไม่สวนล้างช่องคลอดด้วยตัวเอง เพราะทำให้เกิดการเสียสมดุลของค่ากรดและด่างภายในช่องคลอด ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย
  • เมื่อต้องสัมผัสกับดิน สัตว์เลี้ยง หรือไปในที่สาธารณะ ให้ล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่อวัยวะเพศเมื่อต้องเข้าห้องน้ำ
  • ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัว สบู่ และชุดชั้นใน เป็นต้น
  • รักษาสุขลักษณะของร่างกายให้สะอาด สวมใส่ชุดชั้นในที่ซักสะอาดไม่ใส่ซ้ำ รวมไปถึงเลือกชุดชั้นในที่มีเนื้อผ้าระบายอากาศได้ดี ไม่สร้างความอับชื้น 

หากสาว ๆ พบว่าอาการคันบริเวณจุดซ่อนเร้นไม่ดีขึ้น แถมมีอาการที่หนักกว่าเดิมคือ มีการเจ็บปวดรุนแรงจนนอนไม่หลับ เริ่มมีแผลเกิดขึ้นที่อวัยวะเพศ มีเลือดหรือหนองออกมาทางช่องคลอด ควรรีบไปพบแพทย์ซ้ำทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้ยาเก่าหมด เพื่อให้แพทย์ได้ทำการวินิจฉัยใหม่และทำการรักษาใหม่