ความแตกต่างที่สำคัญอย่างหนึ่งของมนุษย์เราก็คือ หมู่เลือด หรือกรุ๊ปเลือด ซึ่งมีทั้งหมดถึง 8 กรุ๊ปด้วยกัน แต่โดย
ทั่วไปแล้ว คนส่วนใหญ่มักเข้าใจกันว่ากรุ๊ปเลือดมีเพียง 4 กรุ๊ปคือ กรุ๊ป A, B, AB และ O แต่ในความจริงแล้วใน 4 กรุ๊ปนี้ยังแบ่งเป็นเลือดกรุ๊ป Rh ที่มีทั้ง Rh บวก หรือ Rh positive และ Rh ลบ หรือ Rh negative อีกด้วย ดังนั้นกรุ๊ปเลือดทั้งหมดจะประกอบด้วย A+, A-, B+, B-, AB+, AB-, O+ และ O-
ก่อนจะอธิบายถึง Rh บวก และ Rh ลบ ต้องกล่าวถึงกรุ๊ปเลือดทั่วไปก่อนว่าเลือดแต่ละกรุ๊ปนั้น บนผิวเลือดจะมีแอนติเจนซึ่งเป็นสารก่อภูมิต้านทาน อย่างเช่น กรุ๊ปเลือด A ก็จะมี A แอนติเจน กรุ๊ป B มี B แอนติเจน แอนติเจนนี้เองที่เป็นตัวกำหนดกรุ๊ปเลือดของคน
คราวนี้มาถึงเรื่องของกรุ๊ปเลือดบวกและลบบ้าง
การที่มีกรุ๊ปเลือดบวกและลบเพิ่มเข้ามานั้น เป็นการแบ่งกรุ๊ปในระบบพิเศษที่เรียกว่าระบบ Rh เหตุที่ต้องจัดระบบพิเศษนี้ก็เพราะในเซลล์เม็ดเลือดแดงของบางคนอาจจะมีแอนติเจนชนิดที่เรียกว่า แอนติเจน D รวมอยู่ด้วย แอนติเจน D นี้เป็นสารโปรตีนที่บ่งบอกชนิดของหมู่เลือดกรุ๊ปพิเศษซึ่งแบ่ง 2 ชนิด คือ อาร์เอชบวก (Rh Positive) และอาร์เอชลบ (Rh Negative)
การที่เลือดจะเป็น Rh บวกหรือลบหรือไม่นั้น ก็อยู่ที่ว่าในเซลล์เม็ดเลือดแดงมีโปรตีนที่เรียกว่า แอนติเจน D อยู่ด้วยหรือไม่นั่นเอง
จากความแตกต่างของกรุ๊ปเลือดแต่ละกรุ๊ปนี้ เป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมเวลาให้เลือดหรือบริจาคเลือดจึงต้องดูกรุ๊ปให้ตรงกัน เพราะการให้เลือดต่างกรุ๊ปและเข้ากันไม่ได้จะก่อให้เกิดการแตกทำลายของเม็ดเลือดแดง ส่งผลอันตรายอย่างร้ายแรงต่อผู้รับบริจาคเลือดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่มีกรุ๊ปเลือดพิเศษอย่างหมู่เลือด Rh- หากต้องเข้ารักษาพยาบาลและต้องการใช้เลือด จำเป็นจะต้องได้รับเลือดกรุ๊ป Rh- เท่านั้น เพื่อไม่ให้ระบบเลือดสร้างแอนติบอดีขึ้นมาต่อต้านเลือดแปลกปลอม จะมีอันตรายอย่างร้ายแรง อาจทำให้เสียชีวิตได้
การได้รับเลือดกรุ๊ปที่ไม่เข้ากับกรุ๊ปเลือดของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นกรุ๊ปใด ๆ จะส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันลุกขึ้นมาโจมตีเลือดแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เกิดลิ่มเลือดขึ้นถึงขั้นทำให้การไหลเวียนของเลือดล้มเหลว ไตวาย เกิดอาการช็อก และที่ร้ายแรงที่สุดคืออาจเสียชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีกรุ๊ปเลือดหนึ่งที่ปลอดภัยสำหรับทุกคนคือเลือดกรุ๊ป O Rh- ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวที่สามารถเข้ากันได้กับทุกกรุ๊ปเลือด กรุ๊ปนี้จึงเป็นกรุ๊ปที่จำเป็นสำหรับกรณีที่มีผู้ป่วยฉุกเฉิน และไม่ทราบกรุ๊ปเลือดของผู้ป่วยว่าเป็นกรุ๊ปใด การให้เลือดจะต้องอาศัยกรุ๊ป O Rh- ไว้ก่อนเสมอ
การตระหนักถึงความสำคัญของกรุ๊ปเลือดไม่ได้เพียงแค่เพื่อการช่วยเหลือผู้อื่นเท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อตัวเองในยามเจ็บป่วยอีกด้วย