ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสื่อโซเชียลมีเดียมีความสำคัญต่อมนุษย์ยุคนี้มากขนาดที่เปรียบเปรยว่าคือ ปัจจัย 5 ส่วนโทรศัพท์มือถือ คือ อวัยวะที่ 33 ของมนุษย์
ในหนึ่งวันผู้คนท่องโลกอินเทอร์เน็ตเฉลี่ยวันละ 6 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งใช้เวลามากกว่าการพักผ่อนของใครบางคนด้วยซ้ำ โดยรายงานของ Global Digital 2019 ของ Hootsuite รายงานว่าสื่อโซเชียลมีเดียและเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่ผู้คนเข้าถึงมากที่สุดอันดับ 1 คือ Google อันดับ 2 คือ Youtube และอันดับ 3 คือ Facebook
ในความเป็นจริงสื่อโซเชียลมีเดียเหล่านี้หากรู้จักใช้ ก็จะส่งผลดีและเกิดประโยชน์ต่อตัวผู้ใช้อย่างมาก แต่สำหรับบางคนที่ไม่สามารถจัดสรรเวลาการเล่นได้อย่างเหมาะสมก็อาจส่งผลเสียหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นโรคที่เรียกว่า โรคโมโนโฟเบียหรือโรคกลัวการขาดมือถือ
โรคเสพติดโซเชียลหรือโรคกลัวการขาดมือถือ(โรคโมโนโฟเบีย) ใครที่มีพฤติกรรมดังต่อไปนี้
พอลืมตาตื่นปุ๊บเป็นต้องใช้มือควานหาโทรศัพท์ เช็ก แชร์ แชะหรือ อัพโซเชียลในทันที นอนหลับคาโทรศัพท์บ่อยครั้งหรือวัน ๆจดจ่ออยู่แต่กับการส่งข้อความต่าง ๆ ใช้โทรศัพท์ตลอดเวลาไม่ว่าจะทานข้าว เข้าห้องน้ำก็ต้องเอาโทรศัพท์ไปด้วย ไม่ว่าบนรถเมล์ รถไฟฟ้า รถแท็กซี่ ระหว่างรอรถประจำทางหรือแม้กระทั่งขับรถก็ใช้โทรศัพท์ วันไหนโทรศัพท์เสีย โทรศัพท์หายหรือแม้กระทั่งลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้านหรือสัญญาณเน็ตไม่ดี วันนั้นก็จะไม่มีความสุขเลย กระวนกระวายอยู่ตลอดเวลา ใครมีอาการถึงขั้นนี้ คงต้องเช็คตัวเองโดยด่วนว่า อาจจะต้องเป็นโรคเสพติดโซเชียลหรือโรคโมโนโฟเบียเข้าให้แล้ว ซึ่งคงไม่ดีแน่เพราะโรคนี้จะส่งผลกระทบทั้งต่อสุขภาพกาย สุขภาพจิต อีกทั้งกระบวนการทำงานของสมองด้วย
ในทางการแพทย์ โรคโมโนโฟเบียไม่ใช่โรคแต่เป็นกลุ่มอาการที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นซึ่งสามารถรักษาได้เพียงแต่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหรือการใช้ชีวิต ได้แก่
สื่อโซเชียลเป็นดาบสองคม หากใช้ในด้านที่ดีก็จะเกิดผลดีแต่หากใช้ในด้านที่ไม่ดี หรือไม่รู้วิธีใช้ก็จะ
เกิดผลเสียมากมายเช่นกัน เพราะฉะนั้นใช้สื่อโซเชียลด้วยความระมัดระวังและจัดสรรเวลาให้พอดี ให้เกิดประโยชน์ต่อเรามากที่สุด