ใครจะคิดว่าน้ำผึ้งที่มีคุณค่าทางอาหารจะมีสารก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ เราหลายคนเติบโตมากับการรับประทานน้ำผึ้ง
ทั้งใช้ประกอบอาหารหวาน อาหารคาว และยาแผนโบราณบางชนิดก็มีน้ำผึ้งเป็นส่วนผสม แต่คุณทราบหรือไม่ว่าในกระบวนการผลิตน้ำผึ้งในรวงผึ้งนั้นสามารถพบการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียได้มากมาย ซึ่งเราจะมาหาสาเหตุกันว่ามีอะไรบ้างที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำผึ้ง และผู้ที่มีอาการแพ้น้ำผึ้งจะมีอาการเบื้องต้นอย่างไร
เจาะลึกถึงรวงผึ้ง กระบวนผลิตน้ำผึ้ง ที่มีโอกาสทำให้คุณแพ้ได้
กระบวนการผลิตน้ำผึ้งของแต่ละรวงผึ้งนั้น มีองค์ประกอบที่สลับซับซ้อนตามสังคมของผึ้ง ดังนั้นโอกาสที่เราจะแพ้น้ำผึ้งจึงไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะในน้ำผึ้งนั้นประกอบไปด้วยสารคัดหลั่งที่ออกมาจากต่อมในคอหอยของผึ้ง ต่อมน้ำลาย และขี้ผึ้ง ยังไม่รวมไปถึงเกสรดอกไม้และละอองของดอกไม้ที่ผึ้งใช้เป็นแหล่งน้ำหวาน ซึ่งถ้าหากเปรียบเทียบดูดี ๆ จะพบว่าผู้ที่แพ้น้ำผึ้งนั้นมีจำนวนน้อย แต่ผู้ที่แพ้เกสรดอกไม้และละอองดอกไม้ที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำผึ้งนั้นมีจำนวนเยอะกว่า
นอกจากนี้ยังมีองค์ประกอบของรังผึ้งที่ผึ้งนำมาทำเป็นรัง ยังมีความเสี่ยงสูงว่าจะมีการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งก่อให้เกิดอาการท้องเสียและคลื่นไส้อาเจียน ดังนั้นเมื่อมองภาพรวมแล้ว การแพ้น้ำผึ้งสามารถแบ่งเป็นผู้ที่แพ้สารในน้ำผึ้งจริง ๆ กับผู้ที่แพ้เกสรดอกไม้และละอองดอกไม้ที่ปนเปื้อนอยู่ในน้ำผึ้ง ซึ่งอาการแพ้เบื้องต้นจะมีอาการดังต่อไปนี้
แค่ไม่กินน้ำผึ้งก็เท่ากับไม่มีอาการแพ้น้ำผึ้งแล้วใช่ไหม?
เมื่อเราแพ้สิ่งใดเราก็ควรจะหลีกเลี่ยงไม่กินหรือเข้าใกล้สิ่งนั้น การแพ้น้ำผึ้งก็เช่นกัน เพียงแค่คุณไม่กินมันเข้าไป อาการแพ้ก็จะไม่เกิดขึ้น แต่คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าอาหารหรือขนมที่รับประทานนั้นไม่มีส่วนผสมของน้ำผึ้ง เพราะเรื่องนี้ พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ ได้กล่าวว่า ผู้ที่แพ้น้ำผึ้งควรระมัดระวังน้ำผึ้งที่ผสมอยู่ในอาหารและขนมต่าง ๆ ด้วย เช่น ลูกอม เค้ก ช็อกโกแลต และรวมไปถึงขนมหวานเพื่อสุขภาพอื่น ๆ
ดังนั้นผู้ที่แพ้น้ำผึ้งจึงควรอ่านส่วนผสมบนฉลากข้างสินค้า หรือสอบถามกับพ่อค้าแม่ค้าว่ามีส่วนผสมของน้ำผึ้งหรือไม่ เพราะถึงแม้ว่าอาการแพ้น้ำผึ้งจะไม่รุนแรงสำหรับบางคน แต่ในบางคนอาจมีอาการแพ้รุนแรงถึงขั้นหายใจติดขัด ปวดศีรษะ หมดสติ และหัวใจเต้นผิดจังหวะได้เลยทีเดียว
จึงสรุปได้ว่าอาการแพ้น้ำผึ้งนั้น โดยส่วนใหญ่แล้วจะมีอาการเบื้องต้นเพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจปล่อยให้อาการดำเนินต่อไป ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อป้องกันอาการแทรกซ้อนจะดีที่สุด และควรระมัดระวังตัวเองด้วยการอ่านฉลากสินค้าทุกครั้งที่ต้องรับประทานอาหารหรือขนมที่ไม่เคยรับประทานมาก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สุขภาพร่างกายต้องเสื่อมโทรมจากอาการแพ้ที่เกิดขึ้นหลังจากรับประทานก่ออาการแพ้