อาการเวียนศีรษะสร้างความรำคาญ และอาจก่อให้เกิดอันตรายจากการเสียสมดุลในการทรงตัว หรือการสูญเสียการควบคุมร่างกายให้สามารถใช้ชีวิต
ประจำวันได้ตามปกติ ในอาการเวียนหัวบางชนิดอาจเป็นสัญญาณเตือนโรคอันตรายบางโรคได้ เราลองมาดูสาเหตุของการเวียนศีรษะว่ามีโอกาสเกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง
- เกิดจากการใช้ชีวิตประจำวัน ปัจจัยกระตุ้นในการดำเนินชีวิตแต่ละวัน อาจส่งผลให้เกิดอาการเวียนศีรษะได้ง่าย เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ การลุกนั่งเร็วเกินไป เมารถ เมาเรือ ภาวะความเครียด วิตกกังวล หวาดกลัว หรือดื่มสุราในปริมาณมาก ตลอดจนการได้รับอุบัติเหตุที่มีผลกระทบต่อการทำงานของหลอดเลือดและสมอง เป็นต้น
- เกิดจากการเป็นโรคบางชนิด ซึ่งมักจะเกี่ยวพันกับการทำงานของระบบหลอดเลือดเป็นส่วนใหญ่
- เส้นเลือดหัวใจตีบ จะมีอาการร่วมคือ แขนขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด กลืนน้ำลายลำบาก เกิดอาการชามือเท้าอย่างเห็นได้ชัด นี่ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องนำส่งแพทย์ทันที
- ความผิดปกติของหูชั้นใน ความผิดปกติในส่วนนี้จะเกี่ยวข้องกับการทรงตัว เช่น น้ำในหูไม่เท่ากัน หรือหินปูนในหูเคลื่อน จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และบ้านหมุนร่วมด้วย เดินเซ เคลื่อนตัวลำบากถึงไม่สามารถเดินได้ การรักษาต้องใช้ยาร่วมกับกายภาพบำบัดร่วมกัน
- โรคโลหิตจาง (Anemia) หรือภาวะซีด เป็นภาวะที่ร่างกายมีปริมาณเม็ดเลือดแดงในเลือดน้อยกว่าปกติ ทำให้ผลิตออกซิเจนได้น้อยทำให้เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ จะเห็นชัดตอนลุกนั่งเร็ว ๆ สามารถพบได้ในคนทุกเพศทุกวัยที่มีภาวะนี้ ส่วนจะมีอาการมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับการปรับตัวของร่างกายต่อสภาวะนี้
- โรคไมเกรน (Migraine) เกี่ยวเนื่องกับหลอดเลือดที่ส่งไปเลี้ยงสมองผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดการเวียนศรีษะเป็นช่วง ๆ หรือต่อเนื่องหลายวัน การได้ยินจะลดลง มีอาการหูอื้อร่วมด้วย
- ความผิดปกติของระบบสายตา เป็นอาการระบบประสาทรับภาพของตา ไม่สัมพันธ์กับสภาพที่เคลื่อนที่เร็ว เช่น ในขณะที่รถกำลังวิ่งเร็ว หรือมองตามวัตถุที่เคลื่อนที่เร็ว ๆ, หรืออาจเกิดจากการใช้สายตาหนักต่อเนื่องนาน ๆ เป็นประจำจนทำให้เกิดโรคตาล้า ส่งผลให้เกิดอาการเวียนศีรษะและอาจมีอาเจียนร่วมด้วย
- ระบบประสาทรับสัมผัสผิดปกติ เช่น การกลัวความมืด การยืนใกล้หน้าผาขนาดใหญ่มาก หรือภาวะกลัวความสูง เป็นต้น
- การตั้งครรภ์ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้หลอดเลือดหย่อนตัว เกิดความดันต่ำ นอกจากนี้ระบบหายใจยังทำงานหนักขึ้นเนื่องจากขนาดของทารกที่ใหญ่ขึ้นไปเบียดปอด กระบังลมทำให้การลำเลียงออกซิเจนทำได้ไม่เต็มที่ คุณแม่จึงอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย และเวียนศีรษะ ยิ่งไปกว่านั้นหัวใจยังสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงมดลูกที่ขยายตัวใหญ่ขึ้นทำให้ส่งเลือดไปเลี้ยงสมองได้น้อยส่งผลให้ออกซิเยนไปเลี้ยงสมองได้น้อยลงด้วยเช่นกัน
เห็นที่มาของการเวียนศีรษะแล้วไม่ธรรมดาเลย ในบางสาเหตุที่เกิดจากพฤติกรรมของตัวเราเองอาจสามารถแก้ไขด้วยตัวเองแล้วหายขาดได้ แต่ในกรณีที่มีสาเหตุมาจากโรคภัยต้องเร่งพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องหากปล่อยไว้อาจได้รับอันตรายถึงชีวิตได้