โรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้คนทั่วทุกมุมโลกและดูเหมือนว่าจะถูกพบมากขึ้นเรื่อย ๆ ในไทยเองหากเปรียบเทียบอดีตเมื่อ 10 ปีที่ผ่าน
มากับปัจจุบัน จะเห็นได้ว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคนี้ในอัตราที่สูงขึ้นกว่า 3 – 4 เท่า ส่วนใหญ่พบในกลุ่มเด็กร้อยละ 38 และกลุ่มผู้ใหญ่ร้อยละ 20 ถ้าไม่ใช่โรคติดต่อแล้วโรคภูมิแพ้เกิดจากกรรมพันธุ์หรืออะไรกันแน่ เรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้ให้มากขึ้นกัน
โรคภูมิแพ้ เป็นผลมาจากการที่ร่างกายของคนเรามีความไวต่อสารบางอย่างผิดไปจากสภาวะปกติ ส่งผลให้บริเวณอวัยวะที่สัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้นั้น ๆ มีความผิดปกติเกิดขึ้น ซึ่งสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้เหล่านั้นก็อาจมาจากสภาพแวดล้อมรอบตัวเรา เช่น ฝุ่น ควัน เชื้อรา ละอองเกสรดอกไม้ รวมไปถึงขนสัตว์ชนิดต่าง ๆ อย่าง ขนแมว ขนสุนัข แมลง ในบางกรณีผู้ป่วยอาจจะแพ้สารจากน้ำหอมหรืออาหารบางชนิดก็ได้
อาการของโรคภูมิแพ้เป็นอย่างไร
เมื่อร่างกายได้รับสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้เข้าไปแล้วก็จะแสดงอาการที่แตกต่างกัน ความรุนแรงของอาการในผู้ป่วยแต่ละคนก็จะไม่เท่ากันด้วย เช่น
– โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจจะแสดงอาการ จาม มีน้ำมูก คัดจมูก คันจมูก น้ำมูกไหลลงคอ เป็นหวัด ไอ แน่นหน้าอก หายใจมีเสียงหวีด เหนื่อย หอบ
– โรคภูมิแพ้ผิวหนัง จะแสดงอาการผื่นแดง คันเรื้อรัง ผิวแห้งลอก ผื่นลมพิษเป็น ๆ หาย ๆ ส่วนมากจะเป็นบริเวณข้อพับแขนและลำคอ
– โรคภูมิแพ้อาหาร จะมีลักษณะคล้ายผื่นคันลมพิษ หน้าบวม ปากบวม มีอาการแน่นคอ แน่นหน้าอก ผู้ที่เป็นภูมิแพ้ชนิดนี้บางรายอาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
– โรคภูมิแพ้ตา จะเกิดอาการเยื่อบุตาอักเสบ ตาแดง เคืองตา คันตา ตาบวม
โรคภูมิแพ้เกิดจากกรรมพันธุ์หรือไม่
บางครั้งเราอาจเคยสงสัยว่าทำไมคนที่สัมผัสกับสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้เหมือนกัน คนหนึ่งมีอาการแพ้แต่กับอีกคนทำไมถึงไม่เป็น สาเหตุคืออะไรกันแน่ระหว่างสิ่งแวดล้อมกับกรรมพันธุ์ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วโรคภูมิแพ้นั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากทั้งสองสาเหตุ กล่าวคือ
– โรคภูมิแพ้สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ ถ้าหากพบว่าพ่อหรือแม่เป็นโรคภูมิแพ้ลูกจะมีโอกาสเป็นร้อยละ 30-50 ถ้าพ่อและแม่เป็นโรคภูมิแพ้ทั้งคู่ลูกก็จะมีโอกาสเป็นมากถึงร้อยละ 50-70 แต่ถ้าหากพ่อและแม่ไม่ได้เป็นโรคภูมิแพ้เลยลูกจะมีโอกาสเป็นร้อยละ 10
– โรคภูมิแพ้ที่เกิดจากสารก่อภูมิแพ้ที่มีอยู่ในสิ่งแวดล้อม ซึ่งสารต่าง ๆ เหล่านั้นสามารถสู่ร่างกายได้หลายทาง ทั้งการหายใจการทานอาหารหรือแม้แต่การสัมผัส สารก่อภูมิแพ้จากสิ่งแวดล้อมและอากาศส่วนมากจะเป็นพวกไรฝุ่น ละอองเกสร ขนแมว ขนสุนัข เชื้อรา ควัน และมลพิษทางอากาศต่าง ๆ ส่วนสารก่อภูมิแพ้ในอาหารที่มักจะพบบ่อยก็จะเป็นอาหารจำพวก นม ไข่ ถั่ว แป้งสาลี และอาหารทะเล เป็นต้น
โรคภูมิแพ้รักษาอย่างไร
แนวทางการรักษาโรคภูมิแพ้นั้นเริ่มต้นจากการปรึกษาแพทย์และทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียด เพื่อยืนยันสาเหตุที่แน่ชัดว่าอาการแพ้นั้นเกิดจากอะไร โดยการตรวจหาสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ทำได้ 2 วิธี คือ
1. ตรวจโดยวิธีการเจาะเลือด
2. ตรวจโดยวิธีการสะกิดผิว สามารถตรวจได้ตั้งแต่เด็กเล็กที่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไป
เมื่อทราบถึงสาเหตุของการเกิดโรคภูมิแพ้ที่แน่ชัดแล้ว ก็จะมีแนวทางการรักษาและการดูแลตนอย่างเหมาะสมหลายวิธี เช่น
– การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ เพราะถึงแม้ว่าจะใช้ยารักษาแต่อาการภูมิแพ้ก็สามารถกำเริบได้ หากยังไปสัมผัสกับสารที่แพ้อีกครั้ง
– การใช้ยารักษาอย่างสม่ำเสมออย่างถูกวิธีจะช่วยให้อาการภูมิแพ้ดีขึ้น
– การออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงอยู่เสมอ
โรคภูมิแพ้เป็นโรคเรื้อรังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถที่จะควบคุมอาการหรือทำให้มีอาการน้อยที่สุดได้ โดยจะต้องทำการรักษาควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน และถ้าหากสงสัยว่าตัวเองหรือบุตรหลานมีอาการคล้ายโรคภูมิแพ้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการสูญเสียและช่วยให้มีสุขภาพที่ดีสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเป็นปกติต่อไป