เรารู้ได้อย่างไรว่าเราติดเชื้อฝีดาษลิง

เรารู้ได้อย่างไรว่าเราติดเชื้อฝีดาษลิง

หลายคนมีข้อสงสัยและวิตกกังวลเรื่องโรคฝีดาษลิงหรือไข้ทรพิษลิง (Monkeypox) หลังเริ่มมีข่าวสถานการณ์การแพร่ระบาดในหลายประเทศทั่วโลก

ต้องการคำตอบเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับโรคติดเชื้อที่นักท่องเที่ยวอาจนำมาเข้าแพร่กระจายในประเทศไทยในอนาคต

โรคฝีดาษลิงพบการระบาดครั้งแรกจากลิงและสัตว์ตระกูลฟันแทะในทวีปแอฟริกา ต่อมาเริ่มการติดเชื้อจากสัตว์สู่คนและกลายเป็นการติดเชื้อจากคนสู่คน โดยทั่วไปโรคฝีดาษลิงอาการไม่รุนแรงนัก ผู้ป่วยส่วนใหญ่หายได้เอง แต่อาการป่วยของเด็กอาจรุนแรงได้ โดยเฉพาะผู้ที่มี 

โรคฝีดาษลิงแบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์ ดังนี้

-สายพันธุ์แอฟริกาตะวันตก (West African) เป็นสายพันธุ์ที่กำลังระบาดอยู่ในเวลานี้ อาการป่วยมีความรุนแรงน้อยกว่าไข้ทรพิษมาก พบอัตราการเสียชีวิต 1% 

-สายพันธุ์แอฟริกากลาง (Congo Basin) มีความรุนแรงมาก พบอัตราการเสียชีวิต 10% 

หากผู้ป่วยเป็นเด็กหรือมีภูมิต้านทานต่ำอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ ผู้ที่มีความเสี่ยงจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง หากพบว่ามีอาการคล้ายเป็นโรคฝีดาษลิงควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรักษาให้หายโดยเร็ว

คุณมีความเสี่ยงหรือไม่ การติดเชื้อจากคนสู่คนเกิดขึ้นได้อย่างไร

-ติดเชื้อจากสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยทางสารคัดหลั่งจากผิวหนังที่เป็นตุ่ม ติดต่อผ่านละอองฝอยจากการหายใจ หรือวัตถุปนเปื้อน เช่น เสื้อผ้า ผ้าปูที่นอน

-ติดเชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ โดยเฉพาะกลุ่มชายรักชาย

สังเกตอาการของโรคติดเชื้อฝีดาษลิง 

จะรู้ได้อย่างไรว่าติดเชื้อฝีดาษลิง เริ่มจากเช็กก่อนว่าตนเองเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงผ่านการสัมผัสพับผู้ป่วยที่ติดเชื้อฝีดาษลิงจำเป็นต้องกักตัวเพื่อสังเกตอาการอย่างน้อย 3 สัปดาห์หรือไม่ เพราะเมื่อติดแล้วจะมีระยะฟักตัวใช้เวลาประมาณ 7-14 วัน หากสัมผัสเชื้อมากจะแสดงอาการเร็ว เหล่านี้เป็นระยะโรครู้เพื่อสังเกตอาการตัวเอง

-ระยะก่อนออกผื่น ประมาณ 5 วันแรก ผู้ติดเชื้อจะมีอาการแรกเริ่มคล้ายไข้หวัดใหญ่และอีสุกอีใส มีไข้ต่ำถึงไข้สูง ปวดหัว ปวดเมื่อยตามตัว ปวดกระบอกตา และอ่อนเพลียมาก อาการที่เด่นชัดของโรคฝีดาษลิงคือต่อมน้ำเหลืองโตทั่วร่างกาย เป็นอาการที่แตกต่างจากโรคไข้สุกใสที่มีผื่นเหมือนกัน ต่อมน้ำเหลืองโตคลำพบได้บริเวณใต้คาง ใต้คอ ไหปลาร้า ข้อศอก รักแร้ เป็นต้น

-ระยะออกผื่น เริ่มภายใน 1-3 วันหลังจากมีไข้ ผื่นเริ่มจากจุดแดง ๆ กลม ๆ มักขึ้นบนใบหน้าและแขนขา มากกว่าบริเวณลำตัว ระยะเวลาที่เกิดผื่นประมาณ 2-4 สัปดาห์ ตุ่มผื่นกระจายไปทั่วใบหน้า ฝ่ามือฝ่าเท้า เยื่อบุช่องปาก เยื่อบุตา กระจกตา รวมถึงอวัยวะเพศ ผิวผื่นแดงจะกลายเป็นตุ่มแข็งนูนเล็กน้อย จากนั้นเปลี่ยนตุ่มน้ำและตุ่มหนองฝี หลังจากตุ่มหนองแตกและแผลแห้งตกสะเก็ดหลุดออกมาแล้ว อาการป่วยเริ่มดีขึ้นและถือว่าหมดระยะการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น

รู้ว่าติดเชื้อฝีดาษลิงควรทำอย่างไร

อาการเริ่มต้นของฝีดาษลิงเหมือนโรคติดเชื้อไวรัสทั่ว ๆ ไป แพทย์จะตรวจวินิจฉัยได้แม่นยำเมื่อมีอาการผื่นและตุ่มน้ำขึ้นตามร่างกายแล้ว ความรุนแรงมักไม่มาก เมื่อเป็นแล้วสามารถหายจากโรคเองได้ แผลจากฝีดาษลิงกินลึกถึงชั้นผิวหนังด้านใน ห้ามแคะ แกะ เกาผื่นหรือตุ่มหนอง เพื่อป้องกันไม่ให้แผลตกสะเก็ดเกิดรอยแผลเป็นทำให้เสียความมั่นใจ หากผู้ป่วยมีปัญหาระบบภูมิต้านทานร่างกายไม่แข็งแรงหรือเป็นเด็กเล็กอาจมีความเสี่ยงเจ็บป่วยรุนแรงถึงขึ้นเสียชีวิตได้ 

ขณะนี้โรคฝีดาษลิงยังไม่ถือเป็นการระบาดอยู่ในประเทศไทย แต่ประชาชนควรรู้เท่าทันอาการของโรคและเมื่อมีประวัติใกล้ชิดกับผู้ป่วยหรือสัมผัสวัตถุปนเปื้อน กังวลและสงสัยว่ามีความเสี่ยงติดเชื้อควรแยกตัวออกจากบุคคลอื่นทันที รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษาประมาณ 2-4 สัปดาห์จึงหายจากโรค