อาการ บวมน้ำ ?

อาการ บวมน้ำ

เคยไหม? หลังจากตื่นนอนตอนเช้าแล้วพบว่าหน้าบวม แก้มบวม บางคนมีอาการแขนบวม ขาบวม และเท้าบวม

อย่างเห็นได้ชัด เมื่อทิ้งระยะสักพักใหญ่ ๆ ร่างกายส่วนที่บวมก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม หนุ่ม ๆ สาว ๆ ทราบหรือไม่ว่านี่คืออาการชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “อาการบวมน้ำ” เกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่ที่ดูจะน่ากังวลใจที่สุดก็คือในหมู่สาว ๆ เพราะบางครั้งหน้าบวมจนเกินงาม ทำให้หมดความมั่นใจ

อาการบวมน้ำคืออะไร

อาการบวมน้ำ คือ ภาวะที่มีน้ำหรือน้ำเหลืองสะสมในเนื้อเยื่อร่างกายปริมาณมากจนทำให้เกิดอาการบวม ซึ่งอาการบวมเกิดขึ้นได้ทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า แขน ขา เท้า ข้อมือ ข้อเท้า ฯลฯ ซึ่งหากเป็นอาการบวมทั่วไปไม่นานอาการบวมจะดีขึ้น แต่หากเป็นอาการบวมจากโรคประจำตัวอาการรุนแรงจะมากน้อยแตกต่างตามสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล

อาการบวมน้ำเกิดจากอะไร

  • โรคประจำตัวหรืออาการเจ็บป่วย เช่น เส้นเลือดขอด ต่อมน้ำเหลืองทำงานผิดปกติ อาการแพ้ โรคไต โรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ เป็นต้น
  • ผลข้างเคียงจากการทานยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ ยาเกี่ยวกับความดันโลหิต ยารักษาโรคเบาหวาน เป็นต้น
  • การนั่งหรือยืนท่าเดิมนาน ๆ 
  • การทานอาหารรสจัด โดยเฉพาะอาหารรสเค็มจัดเพราะปริมาณโซเดียมสูง ร่างกายจึงกักเก็บน้ำได้มากขึ้น ส่งผลให้เกิดอาการบวมน้ำ
  • การตั้งครรภ์
  • การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนของผู้หญิงช่วงก่อนมีประจำเดือน 
  • การออกกำลังกายหลังทานอาหาร ซึ่งทำให้ร่างกายผลิตแก๊สในระบบย่อยอาหารอย่างรวดเร็วจนเกิดอาการท้องอืด แน่นท้อง
  • การทานอาหารที่มีกากใยมากเกินไปจนทำให้ท้องอืด

วิธีบอกลาอาการบวมน้ำ

  1. เลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่
  2. ลดการทานอาหารรสจัดโดยเฉพาะอาหารรสเค็มจัดหรืออาหารที่มีโซเดียมและผงชูรสปริมาณมาก เพราะนี่คือตัวการกักเก็บน้ำในร่างกาย
  3. ทานผักและผลไม้ช่วยลดอาการบวมน้ำ ได้แก่ แตงกวา ช่วยขับน้ำส่วนเกินในร่างกายและรักษาสมดุลน้ำ, อะโวคาโด ลดการเกิดก๊าซ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น, หน่อไม้ฝรั่ง ช่วยขับปัสสาวะและขับโซเดียมในร่างกาย และกล้วยหอม ช่วยลดน้ำตาล ไขมัน พร้อมลดอาการตัวบวมจากไขมันที่สะสมในร่างกาย 
  4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อขับน้ำส่วนเกินออกจากร่างกายและยังลดภาวะบวมน้ำจากการที่ร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหว
  5. พยายามเคลื่อนไหวร่างกายบ่อย ๆ ไม่นั่งหรือยืนท่าเดิมนาน ๆ 
  6. ยืดเหยียดร่างกายส่วนที่บวมน้ำให้อยู่สูงกว่าระดับหัวใจ โดยควรทำวันละ 2-3 ครั้ง ก่อนนอน
  7. หากมีอาการบ่อย ๆ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ โดยสามารถรักษาได้ด้วยการฝังเข็มและบางรายใช้วิธีนวดเพื่อกระจายน้ำส่วนเกินออกจากบริเวณนั้น ๆ 
  8. ทานอาหารเสริมหรืออาหารที่มีสารสกัดจากเมล็ดองุ่น ช่วยขับน้ำส่วนเกินและลดอาการบวมน้ำ

เมื่อรู้แบบนี้แล้วใครที่ตื่นมาหน้าบวมหรือตัวบวมก็พอทราบสาเหตุแล้วว่าเกิดจากอะไรได้บ้าง รวมถึงทราบวิธีแก้ไขเพื่อลดอาการบวม แม้อาการบวมน้ำจะไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง แต่เป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพระยะยาว โดยเฉพาะคนที่ชอบทานรสจัดบ่อย ๆ จนตัวบวม ซึ่งการทานรสจัดจนเคยชิน ส่งผลต่อความดันโลหิตสูง ซึ่งในอนาคตก่อให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมานั่นเอง