ใครเป็นสายเฮลตี้ต้องรู้จัก “บีทรูท” (Beetroot) หนึ่งในผักมากประโยชน์ที่มีกลิ่น สี และรสชาติเป็นเอกลักษณ์ กิน
สดหรือนำมาปั่นเป็นเครื่องดื่มสมูททีรสชาติหวานดื่มง่าย มีวิตามิน เกลือแร่ และสรรพคุณที่เป็นประโยชน์ช่วยต้านอนุมูลอิสระและต้านโรคต่าง ๆ เหมาะกับสายเฮลทีหรือสายไดเอ็ต
ลักษณะของบีทรูท
บีทรูทเป็นส่วนรากของพืชที่เติบโตใต้ดินเหมือนกับหัวไชเท้าหรือพืชตระกูลผักโขมที่ทุกวันนี้คนไทยรู้จักกันมากขึ้น หัวบีทมีขนาดเล็กทรงป้อม สีแดงเลือดหมู สีม่วงแดง หรือสีเหลือง ที่หลายคนคงจะเคยคุ้นหน้าคุ้นตากับผักสีแดงที่อยู่ในสลัดและน้ำผักสีแดงมาเลือดหมูมาบ้างแล้ว
ต้นกำเนิดของพืชชนิดนี้อยู่ทางยุโรปแถบเมดิเตอร์เรเนียนและเจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมหนาวเย็นจึงนำมาปลูกกันที่ภาคเหนือของไทย นิยมนำมาประกอบอาหารหลากหลาย ทั้งคาวและหวาน เช่น กินสดกับสลัด ดองสามรสไว้กินคู่กับอาหารจานหลัก เช่น สเต็ก พาสตา อาจจะทำขนมเค้ก เยลลี่ พุดดิ้งนมสด ไอศรีม หรือทำเป็นไวน์และเครื่องดื่มแบบสมูททีก็ได้
สรรพคุณของบีทรูท
หัวบีทอุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญหลายชนิด สีม่วงแดงในบีทรูทเป็นตัวชี้ว่ามีแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) และวิตามินมากมาย รวมทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน โฟเลต แมงกานีส แคลเซียม โพแทสเซียม ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส เบต้าแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี และอื่น ๆ
คุณค่าทางโภชนาการของบีทรูทสด (ปริมาณ 100 กรัม)
ประโยชน์ของบีทรูท
บีทรูทถือเป็นผักอีกชนิดที่ถูกยกให้เป็น “Super Food” ได้รับการยอมรับว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก มีใยอาหารสูง ปริมาณค่าความหวานต่ำถึงปานกลางจึงให้พลังงานต่ำและดีต่อสุขภาพ เรามาดูกันว่าเหตุผลอะไรบ้างที่บีทรูทเป็นมิตรต่อผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักและสายรักสุขภาพ
คำแนะนำในการรับประทานบีทรูทอาจขับถ่ายออกมามีสีแดงปน ถือเป็นเรื่องปกติเพราะร่างกายขับสารสีแดงจากบีทรูทออกมา ควรเลือกหัวบีทรูทที่มีขนาดเล็ก เนื้อไม่นิ่ม จะมีเนื้อละเอียดและให้รสหวานกว่า เมื่อซื้อมาแล้วล้างให้สะอาดเก็บในถุงตาข่ายไว้จะอยู่ได้นานถึง 2 สัปดาห์ นำมาคั้นเอาแต่น้ำ กินสดหรือดองก็ได้ทั้งความอร่อยและดีต่อสุขภาพ