คุณเคยรู้สึกขี้เกียจ เบื่อหน่าย อ่อนเพลีย และเหนื่อยง่ายบ้างหรือไม่ หากกำลังประสบกับอาการเหล่านี้อยู่ มีโอกาสที่ร่างกายเรา
คุณเคยรู้สึกขี้เกียจ เบื่อหน่าย อ่อนเพลีย และเหนื่อยง่ายบ้างหรือไม่ หากกำลังประสบกับอาการเหล่านี้อยู่ มีโอกาสที่ร่างกายของคุณจะเป็นไปได้อยู่ 2 อย่างด้วยกันคือ อาการหมดไฟในการใช้ชีวิตประจำวัน กับอาการของโรคบางชนิด ซึ่งถ้าหากเลือกได้ การหมดไฟในชีวิตย่อมแก้ไขได้ง่ายกว่าการเกิดของโรคที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งวิธีการจัดการให้ชีวิตกลับมามีไฟอีกครั้ง สามารถทำได้และเริ่มต้นทำได้ทันทีดังต่อไปนี้
ปลุกไฟในตัวเอง ด้วยการรีเฟรชชีวิตใหม่ เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
อาการหมดไฟในชีวิตประจำเกิดขึ้นได้ทั้งในวัยเรียน วัยทำงาน และผู้สูงอายุ มีสาเหตุมาจากการใช้ชีวิตประจำวันแบบเดิม ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น ตื่นเวลาเดิม ทำงานในสภาพแวดล้อมเดิม เพื่อนร่วมงานคนเดิม และพบเจอกับปัญหารูปแบบเดิม เป็นต้น ทำให้คุณขี้เกียจไม่อยากทำอะไร และเบื่อหน่าย บางคนมีอารมณ์แปรปรวนโกรธและฉุนเฉียวง่าย นำมาซึ่งความรู้สึกเจ็บป่วยทางจิตใจ และส่งผลถึงสภาพร่างกายที่เสื่อมโทรม อย่าปล่อยให้ชีวิตต้องหมดไฟ เรามีวิธีแก้ไขมาฝากดังนี้
เริ่มต้นออกกำลังกาย การออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายเหนื่อย อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีสำหรับการปรับรูปแบบชีวิตที่กำลังหมดไฟ ควรเริ่มต้นด้วยการออกกำลังกายที่ใช้การทรงตัวร่วมกับการหายใจเพื่อทำสมาธิ อย่างโยคะ หรือไท่เก๊ก จะมีความเหมาะสมและช่วยให้เกิดการผ่อนคลายได้มากกว่า
พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ บางครั้งอาการเบื่อหน่าย ขี้เกียจ หรืออ่อนเพลีย อาจเกิดจากการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ คือคุณอาจจะนอนดึกและตื่นเช้ามาเป็นเวลานาน หรืออาจจะนอนไม่เป็นเวลาเลยมาเป็นเวลานาน ทำให้สมองเกิดความสับสน และหลั่งสารที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายออกมา การปรับมาเข้านอนก่อน 4 ทุ่ม และเริ่มหลับในเวลา 4 ทุ่ม จะช่วยให้สมองและร่างกายได้รีเฟรชตัวเองใหม่
ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ หลายคนดื่มน้ำไม่เพียงพอในแต่ละวัน ร่างกายจึงเกิดอาการขาดน้ำ ทำให้เกิดอาการเหนื่อยง่าย เนื่องจากเลือดมีความข้นหนืด หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงได้ทั่วร่างกาย ดังนั้นคุณลองจัดเวลาดื่มน้ำสะอาดใหม่ให้ได้ประมาณ 2.5 ลิตรต่อวัน น้ำจะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น หัวใจไม่ต้องใช้แรงดันสูงในการสูบฉีดโลหิต อาการเหนื่อยง่ายของคุณจะดีขึ้น
หากในที่สุดแล้วอาการต่าง ๆ ยังไม่ดีขึ้น ทั้งยังมีอาการที่แย่ลงไปเรื่อย ๆ คุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย และรับคำวินิจฉัย เพราะดังที่กล่าวไปว่าอาการเบื่อหน่ายต่าง ๆ สามารถเป็นอาการของโรคบางชนิดได้ด้วย เช่น ภาวะโลหิตจาง โรคหัวใจ ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป และโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง เป็นต้น และนอกจากอาการของโรคทางกายแล้ว ยังสามารถวินิจฉัยไปได้ถึงอาการเจ็บป่วยทางจิต ที่แสดงอาการเบื่อ ขี้เกียจ และอ่อนเพลียได้เช่นกัน เช่น โรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า และโรคเครียด เป็นต้น
ของคุณจะเป็นไปได้อยู่ 2 อย่างด้วยกันคือ อาการหมดไฟในการใช้ชีวิตประจำวัน กับอาการของโรคบางชนิด ซึ่งถ้าหากเลือกได้ การหมดไฟในชีวิตย่อมแก้ไขได้ง่ายกว่าการเกิดของโรคที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งวิธีการจัดการให้ชีวิตกลับมามีไฟอีกครั้ง สามารถทำได้และเริ่มต้นทำได้ทันทีดังต่อไปนี้
ปลุกไฟในตัวเอง ด้วยการรีเฟรชชีวิตใหม่ เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
อาการหมดไฟในชีวิตประจำเกิดขึ้นได้ทั้งในวัยเรียน วัยทำงาน และผู้สูงอายุ มีสาเหตุมาจากการใช้ชีวิตประจำวันแบบเดิม ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น ตื่นเวลาเดิม ทำงานในสภาพแวดล้อมเดิม เพื่อนร่วมงานคนเดิม และพบเจอกับปัญหารูปแบบเดิม เป็นต้น ทำให้คุณขี้เกียจไม่อยากทำอะไร และเบื่อหน่าย บางคนมีอารมณ์แปรปรวนโกรธและฉุนเฉียวง่าย นำมาซึ่งความรู้สึกเจ็บป่วยทางจิตใจ และส่งผลถึงสภาพร่างกายที่เสื่อมโทรม อย่าปล่อยให้ชีวิตต้องหมดไฟ เรามีวิธีแก้ไขมาฝากดังนี้
หากในที่สุดแล้วอาการต่าง ๆ ยังไม่ดีขึ้น ทั้งยังมีอาการที่แย่ลงไปเรื่อย ๆ คุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย และรับคำวินิจฉัย เพราะดังที่กล่าวไปว่าอาการเบื่อหน่ายต่าง ๆ สามารถเป็นอาการของโรคบางชนิดได้ด้วย เช่น ภาวะโลหิตจาง โรคหัวใจ ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานมากเกินไป และโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง เป็นต้น และนอกจากอาการของโรคทางกายแล้ว ยังสามารถวินิจฉัยไปได้ถึงอาการเจ็บป่วยทางจิต ที่แสดงอาการเบื่อ ขี้เกียจ และอ่อนเพลียได้เช่นกัน เช่น โรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า และโรคเครียด เป็นต้น