ประจำเดือนมาไม่เป็นปกติ ปวดท้องขณะมีประจำเดือน คลำดูพบว่ามีก้อนบางอย่าง มาถึงตรงนี้ความกังวลเริ่มรุมเร้าและกลัวเป็นโรคร้ายแรง การพบ
แพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยคือดีที่สุด ซึ่งผลการตรวจอาจเป็นไปได้หลายอย่าง หนึ่งในนั้นก็คือ โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ โรคที่มีชื่อแปลกและยาวแต่อย่างน้อยก็ยังไม่รุนแรงมากเท่ากับโรคร้ายชนิดอื่น ในบทความนี้จะอธิบายถึงอาการ สาเหตุ และแนวทางการรักษา ดังนี้
ในขณะที่ผู้หญิงหลายคนมีอาการปวดท้องและประจำเดือนมาไม่ปกติอันเนื่องมาจากเป็นโรคนี้ แต่ก็พบว่ามีผู้หญิงส่วนหนึ่งที่เป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่แต่ไม่มีอาการอะไรเลย ทำให้ต้องอยู่กับโรคนี้ไปโดยไม่รู้ตัวซึ่งไม่ได้มีอันตรายร้ายแรงมากนัก จะมีก็เพียงผลในระยะยาวคือจะทำให้เป็นคนที่มีลูกยาก เพราะการที่เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดที่ทำให้อวัยวะในอุ้งเชิงกรานผิดรูปผิดร่าง อีกทั้งยังทำให้ท่อนำไข่ทำงานผิดปกติ การตกไข่ของผู้หญิงที่เป็นโรคนี้จึงไม่ปกติเหมือนผู้หญิงทั่วไป ที่สำคัญคือไข่จะไม่มีคุณภาพดีพอ
ได้มีการศึกษาวิจัยถึงสาเหตุที่แท้จริงอยู่หลายทฤษฎีด้วยกัน แต่ทฤษฎีทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือมากที่สุดก็คือ เกิดจากเส้นทางระบายเลือดประจำเดือนอุดตัน ทำให้เลือดประจำเดือนไหลย้อนไปขังอยู่ตามอวัยวะต่าง ๆ ในช่องท้อง โดยเฉพาะที่อุ้งเชิงกรานซึ่งอยู่ในตำแหน่งต่ำที่สุด ทำให้เซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกไปเกาะฝังตัวอยู่ในตำแหน่งนั้น อย่างไรก็ตามหากเป็นคนที่มีระบบภูมิคุ้มกันดีก็จะสามารถกำจัดเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกที่เกาะตัวผิดที่ได้ ส่วนถ้าใครระบบภูมิคุ้มกันไม่ดี ก็มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรค
เนื่องจากเยื่อบุโพรงมดลูกไปแทรกตัวอยู่ในผนังมดลูกหรือกล้ามเนื้อมดลูก และยังอาจเลยไปถึงช่องท้องจนไปโตอยู่ที่เยื่อบุช่องท้องบ้าง ผนังลำไส้บ้าง โรคนี้เป็นโรคที่พบมากในผู้หญิงวัย 25 ปีขึ้นไป เมื่อเยื่อบุโพรงมดลูกไม่ได้อยู่ในที่ที่ควรอยู่ ปัญหาจึงเกิดขึ้น เพราะเมื่อถึงเวลาที่มีประจำเดือน เยื่อบุโพรงมดลูกซึ่งทำหน้าที่สร้างประจำเดือนก็จะเที่ยวไปสร้างผลงานในที่ต่าง ๆ ทำให้มีเลือดขังอยู่ตามอวัยวะที่ไม่ควรจะเป็น และเป็นสาเหตุของอาการปวดท้อง ประจำเดือนมาไม่ปกตินั่นเอง เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็จะมีอาการเรื้อรังเพราะเยื่อบุโพรงมดลูกไปโตในอวัยวะอื่น ทำให้เกิดอาการขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าไม่ได้รับการรักษาก็จะปวดไปจนกว่าจะถึงวัยหมดประจำเดือน
การรักษาคงไม่อาจทำให้หายสนิทได้ แต่ผู้ป่วยสามารถรับการตรวจและรักษาเพื่อบรรเทาอาการซึ่งแพทย์อาจจะให้ยา หรือรักษาด้วยการผ่าตัดสำหรับกรณีที่ตรวจพบก้อนที่รังไข่ ส่วนผู้ที่ไม่ได้เป็นโรคนี้ก็พึงระมัดระวังโดยการตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี รวมถึงลดความเสี่ยงที่จะเป็นโรค เช่น การรับประทานอาหารที่มีสารโอเมก้า 3 สูง แต่หากมีความผิดปกติใดที่เป็นสัญญานเตือนก็ไม่ต้องตระหนกตกใจจนเกินไป โรคนี้ไม่ได้รุนแรงมาก หากรีบไปพบแพทย์เมื่อมีอาการ ก็สามารถรับการรักษาให้สุขภาพแข็งแรงได้
2024-03-07
2024-02-13
2024-02-08
