เลือดหรือโลหิต ถือเป็นส่วนประกอบที่สำคัญต่อร่างกาย มีลักษณะเป็นของเหลวข้น สีแดง อยู่ภายในหลอดเลือดที่หล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
โดยการไหลเวียนของเลือดจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเกิดการสูบ ฉีดจากหัวใจที่ทำหน้าที่คล้ายกับปั๊ม เพื่อนำเลือดที่มีสารอาหาร แร่ธาตุ วิตามินและอื่น ๆ ไปบำรุงร่างกาย
คือ อาการของคนที่บงบอกว่ากำลังไม่สบาย เกิดจากของการไหลเวียนของเลือดไม่ปกติหรือภาวะของเลือดไม่สมดุลกับร่างกาย ซึ่งสภาวะดังกล่าวสามารถทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการเบื้องต้นได้ดังนี้
สาเหตุดังกล่าวเกิดจากการไหลเวียนของเลือดไม่ปกติ เช่น เกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้สมองขาดก๊าซออกซิเจนหรือได้รับในปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการ หรืออาการของหัวใจเต้นไม่ปกติ เต้นแรง ทำให้เกิดความดันสูง เลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ มากเกินไป หรือเกิดจากการอยู่ในสภาพอากาศที่เย็นจัด ทำให้เลือดเคลื่อนที่ได้ช้าหรือเกิดภาวะแข็งตัว เป็นต้น
ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลให้เกิดภาวะอาการเลือดลมเดินไม่ปกติได้ ซึ่งทุกคนจะต้องดูแลรักษาสุขภาพให้ดี เพราะบางครั้งอาการดังกล่าวอาจบ่งชี้ให้กลายเป็นโรคร้ายแรงในอนาคตได้
สำหรับผู้มีอาการผิดปกติดังกล่าว สามารถเข้ารับการตรวจและรักษาได้โดยตรงจากแพทย์ เพื่อรับการตรวจเช็คและวินิจฉัยถึงสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผลการตรวจที่ตรวจพบ หากพบว่าเป็นอาการที่ไม่รุนแรง อาจได้รับการรักษาเบื้องต้น พร้องกับให้ผู้ป่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการดำเนินชีวิต ซึ่งผู้ป่วยเองก็ต้อง ลด ละ เลิก พฤติกรรมบางอย่างที่ทำลายสุขภาพและหันมาเอาใจใส่ร่างกายของตน เช่น การเลิกสูบบุหรี่ เครื่องดื่มมึนเมา พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด พร้อมกับหันไปออกกำลังกายให้มีร่างกายแข็งแรง หรืออาการดังกล่าวเกิดจากโรคประจำตัว เช่น เบาหวานก็ควรงดรับประทานอาหารหวานหรือของหวานที่มีปริมาณน้ำตาลมาก ๆ ควบคุมปริมาณน้ำตาลในร่างกายและปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดตามแพทย์สั่ง
หากผลการตรวจพบว่ามีความผิดปกติของโรคอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างรุนแรง อาจต้องเข้ารับการรักษาโดยด่วน เพราะโรคร้ายแรงบางชนิดอาการที่แสดงออกเบื้องต้นอาจไม่ทำให้รู้ จนกว่าจะมีการตรวจอย่างละเอียด เช่น โรคหลอดเลือด, โรคหัวใจ เป็นต้น ซึ่งหากเข้ารับการรักษาที่ช้าเกินไป อาจทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้
อย่างไรก็ตาม อาการโรคเลือดลมไม่ปกติ บ้างครั้งอาจเกิดจากภาวะฮอร์โมนไม่ปกติหรือการเปลี่ยนผ่านของคนในแต่ละวัยก็เป็นได้ ผู้ป่วยจะต้องหมั่นสังเกตตนเองอยู่เสมอ ๆ หากพบความผิดปกติที่มีความถี่ของอาการที่เกิดขึ้นมากเกินไปหรือมีความรุนแรงของโรคที่เป็นมากขึ้น ควรรีบเข้ารับการตรวจจากแพทย์โดยด่วน เพื่อที่จะได้หาแนวทางในการรักษาที่ดีที่สุด