ว่านหางจระเข้ เป็นสมุนไพรที่รู้จักกันในการลดอาการอักเสบ บรรเทาผิวเบิร์นจากแสงแดดจัด รักษาแผลน้ำร้อน
ลวก เพราะมีสาระสำคัญที่มีคุณสมบัติเป็นยาต้านอักเสบ (Anti-inflammatory) ซึ่งโดยส่วนใหญ่ว่านหางจระเข้จะถูกนำมาใช้ในรูปของผลิตภัณฑ์สกินแคร์ดูแลฟื้นฟูผิว แต่จริง ๆ แล้วว่านหางจระเข้สามารถใช้ประโยชน์ได้มากกว่านั้น เป็นสมุนไพรอีกชนิดหนึ่งที่กินได้ด้วย
ว่านหางจระเข้ กินเพื่ออะไร
ว่านหางจระเข้ มีส่วนประกอบที่เป็นวุ้นอยู่ภายในส่วนของใบ คล้ายกับวุ้นมะพร้าว สามารถนำวุ้นนั้นมากินได้ หรือจะนำมาคั้นเป็นน้ำว่านหางจระเข้ดื่มก็ได้เช่นกัน กินแล้วมีประโยชน์มากมายหลายอย่าง เช่น
แนะนำวิธีกินว่างหางจระเข้ให้ได้ประโยชน์
ว่านหางจระเข้ที่สามารถกินได้ควรจะเป็นต้นแก่ อายุเกิน 1 ปี โดยเลือกเอาส่วนล่างสุดของใบเพราะวุ้นจะอยู่ในส่วนนี้มากกว่าส่วนอื่น หลังจากปอกเปลือกออกจนได้วุ้นข้างในแล้ว ให้นำเนื้อวุ้นไปล้างให้ยางที่ติดอยู่บนใบหลุดออก เพราะยางนี้มีสารก่ออาการแพ้ ควรรีบกินเพราะวุ้นจะเก็บได้ไม่ถึงวัน และแม้ว่าว่านหางจระเข้จะมีสรรพคุณช่วยย่อย ช่วยระบบขับถ่ายแต่ก็ไม่ควรกินเป็นยาระบาย
กินตอนไหน ปริมาณที่กินควรเป็นเท่าใด
การกินว่างหางจระเข้ ขึ้นอยู่กับว่าจะกินเพื่ออะไร
ว่านหางจระเข้ ไม่ควรกินมากเกินไป
ปริมาณน้ำว่านหางจระเข้ที่แนะนำข้างต้นนั้นถือว่าไม่มากเกินไป และปริมาณที่มากที่สุดสำหรับการดื่มน้ำว่านคือไม่ควรเกิน 12 ช้อนโต๊ะ หากเกินกว่านี้มีข้อควรระวังคือ ว่านหางจระเข้อาจจะทำให้ในร่างกายของเรามีสารที่ชื่อว่าอะโลอิน ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกับที่มีอยู่ในยาถ่าย ทำให้เกิดอาการท้องเสีย ร่างกายจะสูญเสียแร่ธาตุ นอกจากนี้ยังมีข้อแนะนำว่าสตรีมีครรภ์ ผู้ที่อยู่ระหว่างมีประจำเดือน ผู้ที่มีอาการแพ้กระเทียมและหัวหอม รวมถึงผู้ที่เป็นริดสีดวงทวารไม่ควรกิน
และยังมีข้อควรระวังในการดื่มน้ำว่านอีกด้วยว่า ไม่ควรผสมน้ำตาลมากเกินไป แต่ควรเลือกสูตรหวานน้อยเพื่อสุขภาพ แนะนำดื่มน้ำว่านผสมน้ำขิงหรือชาขิง เป็นการนำสมุนไพรฤทธิ์เย็นกับร้อนมาผสานกัน ช่วยเสริมสร้างความสมดุลให้กับระบบการทำงานของร่างกาย