สะแลคือผักพื้นบ้านที่พบได้มากในป่าเบญจพรรณและป่าละเมาะของประเทศไทย มีลักษณะเป็นไม้เลื้อยยืนต้น หากพบทาง
ภาคใต้จะเรียกว่าคันชง หรือชงแดง หากพบทางภาคเหนือจะเรียกว่าสาแล โดยสะแลจะพบในบริเวณภาคเหนือมากกว่า หลายคนจึงเข้าใจว่าเป็นผักพื้นบ้านทางภาคเหนือ ซึ่งชาวเหนือเองก็นิยมนำผักชนิดนี้มาประกอบอาหารหลากหลายชนิด ตั้งแต่การนำมาลวกเพื่อจิ้มกับน้ำพริก การนำมาใส่แกงส้มและแกงป่า โดยรสชาติของสะแลจะมีรสออกจืด ให้ความมันและรู้สึกมีเมือกเมื่อเคี้ยวเข้าไป ส่วนประโยชน์ที่มีต่อร่างกายนั้นมีอยู่หลายประการด้วยกันดังต่อไปนี้
คุณประโยชน์จากสะแล ที่จะช่วยให้อาการกรดไหลย้อนดีขึ้น
ชาวเหนือรับประทานสะแลกันมาหลายชั่วอายุคน และมีภูมิปัญญาชาวบ้านที่นิยมนำใบและเปลือกของสะแลมาต้มน้ำเพื่อใช้ดื่มบรรเทาอาการบวมน้ำของร่างกาย โดยจากการศึกษาพบว่าส่วนดอกของสะแลมีองค์ประกอบของสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายคือ โซเดียม, แคลเซียม, เหล็ก, ฟอสฟอรัส, โพแทสเซียม, โปรตีน, คาร์โบไฮเดรต, กากใย, เบต้าแคโรทีน, สารแอนติออกซิแดนท์, สารโพลิฟินอล, วิตามิน C, E และ B1-2 จึงจัดได้ว่าเป็นผักที่มีประโยชน์ต่อร่างกายที่สามารถรับประทานบ่อย ๆ ได้ และยังช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายได้ดังต่อไปนี้
นับว่าสะแลเป็นผักพื้นบ้านที่มีคุณค่าต่อระบบย่อยอาหารของร่างกาย ช่วยฟื้นฟูกระเพาะอาหารและลำไส้ อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อนสามารถนอนราบและหลับสนิทได้ วิธีการรับประทานสะแลที่ถูกต้องควรนำไปลวกหรือต้มให้สุก สามารถนำไปตำรวมกับสมุนไพรพื้นบ้านอื่น ๆ พร้อมกับเนื้อปลา เพื่อทำเป็นแกงส้มหรือแกงป่าได้อย่างอร่อยลิ้น พร้อมคุณค่าทางอาหารที่ร่างกายจะได้รับจากสมุนไพรที่ได้จากพริกแกง ไขมันดีจากเนื้อปลา และกากใยที่มีคุณค่าจากสะแล